วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาหุ้นในช่วงเวลาสั้นๆ

บทความนี้เอามาจากหนังสือของนักเขียนนิตยสารชื่อดังของ USA Today ค่ะ  ชื่อหนังสือนั้นแค่ฟังก็น่าสนใจสำหรับพวกเราๆชาวเน็ตแล้วค่ะ Investing Online For Dummies by Matt Krantz

เอาล่ะไม่อารัมภบทนานเหมือนเดิม  มาเข้าเรื่องกันเลยว่าอะไรที่กระทบต่อราคาหุ้นในช่วงสั้นๆกันบ้าง

1.เคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นทั้งตลาด  วันนี้ถ้าตลาดขึ้นหุ้นก็ขึ้น ถ้าตลาดลงหุ้นตัวนั้นก็ลงตามค่ะ  ติดตามได้จากการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ ตลอดจนข่าวที่กระทบเศรษฐกิจทั่วโลกเช่น เศรษฐกิจจากยุโรปและจีน

2.Earning Report หรือรายงานประกาศผลกำไร โดยเฉพาะที่อเมริกานั้นเขาว่ากันว่ามักจะปันผลในช่วงเดือนกรกฎาคมด้วยค่ะ  โดยจะประกาศกันทุกๆไตรมาศ ปีหนึ่งๆมี 4 ไตรมาศ ไตรมาศละ 3 เดือน ลองนับกันให้ดีนะจ่ะว่าใกล้หรือยัง

3.Industry Development อะไรก็ตามที่เกิดกับอุตสาหกรรมนั้นมักจะส่งผลกับหุ้นตัวที่เรากำลังมองอยู่  เช่น ถ้าคู่แข่งของเขาออกสินค้าอะไรใหม่ บริษัทที่เราถือหุ้นก็มีปัญหาได้ค่ะเพราะมีการแย่งรายได้ไป  ก็ราคาหุ้นขึ้นอยู่กับความคาดหวังว่ากำไรของบริษัทจะมากหรือจะน้อยนั่นเอง

4.Management Change ในระดับบนๆของบริษัทนั้น ใครจะถุกจ้าง ใครจะถูกไล่ออกก็เป็นสัญญาณทางธุรกิจได้เช่นกัน  ถ้าเราไม่ทราบว่าหุ้นจะไปทิศไหนก็ดูสักญญาก่อนหน้าประกอบได้ เพราะก่อนข่าวจะประกาศก็มักมีวงในทราบก่อนอยู่แล้ว

5.Raw Materials การเปลี่ยนแปลงราคาของวัตถุดิบมีความสำคัญอย่างมากกับบริษัทเพราะส่วนใหญ่บริษัทจะมีสต็อกสินค้าอยู่แล้ว  การที่ราคาสินค้าลดหรือเพิ่มนั้นจะส่งผลต่อกำไรของบริษัทไม่มากก็น้อยค่ะ เช่น บริษัทน้ำมันก็จะมีลักษณะกราฟใกล้เคียงกับราคาวัตถุดิบ เช่น XOM exxon mobile กราฟจะเลียนแบบกับน้ำมัน , ในหนังสือยังยกตัวอย่าง Sbux หรือสตาร์บัคกับราคากาแฟค่ะ 

เอาล่ะๆเอาเว็บไว้ดูราคาสินค้ากันเลยค่ะ
http://www.cmegroup.com/trading/agricultural/

6.Trading Momentum หรือจังหวะการเทรด  อธิบายสั้นๆว่าต่อให้ตลาดหุ้นลง  แต่ถ้าหุ้นจะไปใครจะไปฉุดอยู่

7.Merger Chatter  เมื่อบริษัทจะแต่งงานกัน  ตลาดก็มักจะเคลื่อนไหวขึ้นเสมอค่ะ  ส่วนที่ควบรวมกันแล้วใครจะไปต่อหรือใครจะตกนั้น  ก็ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทไหนได้ประโยชน์มากกว่ากัน  ซึ่งตรงนี้ก็ต้องอาศัยการพิจารณาให้ดีๆ  แต่แนะนำว่าขายก่อนควบรวมก็จะปลอดภัยที่สุดค่ะ

8.Bond Yeild อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล  เนื่องจากตลาดอเมริกาเฟื่องฟูด้านการจัดสรรเงินลงทุนมาก ดังนั้นเขาจะพิจารณาอยู่เสมอๆว่าการเล่นหุ้นได้คุ้มเสียไหม หากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสูงกว่า  เขาก็จะย้ายเงินไปทันที  จึงต้องติดตามกันให้ดีและดูอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดกันต่อไป

9.Legal insider buying or selling ทำไมเขาถึงเน้นคำว่าพวกวงในที่ถูกกฎมายก็ไม่ทราบ  แต่เอาเป็นว่าเชือได้  และหากช่วงไหนผู้บริหารขายกันมากๆ หุ้นก็มักอ่อนแอกันให้เห็นจริงๆ แล้วถ้ามีการขายใกล้ช่วงประกาศผลกำไรกันเล่า มันแปลว่าอะไร?

สุดท้ายแล้ว  การดูเพียงข้อใดข้อหนึ่งไม่อาจบอกได้อย่างชัดเจนว่าหุ้นตัวนั้นจะขึ้นหรือจะลง  หากดูประกอบกันหลายๆข้อ ก็จะช่วยให้เข้าใจและเดาทางหุ้นได้ยิ่งๆขึ้นไปค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น