วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ปัจจัยที่กระทบกับราคาหุ้นในระยะยาว

บทความก่อนก็เขียนเกี่ยวกับปัจจัยที่กระทบกับราคาหุ้นในระยะสั้นๆไปแล้ว  คราวนี้มาว่ากันตรงระยะยาวกันบ้าง  นักลงทุนระยะยาวนั่นเชื่อกันว่าแม้ว่าจะมีปัจจัยที่กระทบต่อราคาหุ้นในระยะเวลาสั้นๆ แต่ในระยาวแล้ว  ราคาหุ้นจะวิ่งไปหาปัจจัยพื้นฐานของมันเสมอ  ดังนั้นจึงมีการศึกษาถึงรายละเอียดภายในของบริษัทกันค่ะ

วันนี้เอาข้อมูลพื้นฐานของหุ้นชั้นนำอย่างแอปเปิ้ลมาฝากกัน  ใครที่เป็นสาวกน้องผลไม้อย่าพลาดทีเดียวค่ะ

APPLE

แอปเปิ้ลเป็นบริษัทชั้นนำในการขายอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์และคอมพิวพเตอร์ส่วนบุคคล  โดยบริษัทนั้นตั้งอยู่ที่แคลลิฟอร์เนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา  โดยช่วงหลังมานี่บริษัทโฟกัสไปที่การผลิตไอโฟน ไอแพด  และไอพอด  นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่ไม่ใช่อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์อีก ได้แก่ iCloud, IOS, MacOS และ Apple TV โดยบริษัทขายสินค้าเหล่านี้ผ่านทางร้านค้าอย่าง iTunes Store, App Store, iBook Store และ Mac App Store

บริษัทมีออฟฟิซอยู่ที่แคลิฟอร์เนียร์ก็จริง  แต่มีร้านค้าอยู่ทั่วโลกซึ่งมีจำนวนมากกว่า 300 แห่งในปี 2012 นี่ค่ะ

ด้านยอดขาย
หากดูตามภูมิศาสตร์แล้ว ในปี 2011 หรือ 2554 แอปเปิ้ลมียอดขายกว่า 39%มาจากในตัวสหรัฐอเมริกาเอง ในขณะที่ในยุโรปมียอดขาย 25% และที่ญี่ปุ่นมียอดขายเพียง 4% ขณะเอเชียแปซิฟิค 12% คราวนี้ถ้ามีข่าวลบกับยุโรป  พอจะเข้าใจไหมคะว่าทำไมหุ้นแอปเปิ้ลถึงลงไปเยอะแยะอย่างนั้น

ส่วนผลิตภัณฑ์นั้นเรามาดูกันบ้างดีกว่าว่ามียอดขายอะไรบ้าง
ในปี 2011เช่นเดียวกัน ยอดขายจากMac นั่นคิดเป็นสัดส่วน 19%  ส่วน iPod เริ่มทยอยลดความสำคัญลงเรื่อยๆโดยเลือกแค่ 6% จาก 12%ในปีก่อน  ในขณะที่ iPhone และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมี 43%  ส่วน iPadและผลิตภัณฑ์ควบมี 18% อย่างเพิ่งคิดว่าน้อยค่ะ เพราะปีที่แล้วนั้นยอดขายของไอแพดคิดเป็น 7% ของยอดขายสินค้าอื่นๆเท่านั้นเอง  นอกจากนี้ฮาร์ดแวร์และผลิตภัณฑ์อื่นๆมีแค่ 2% เท่านั้น ขณะที่ตัว Software ของแอปเปิ้ลทำรายได้เพียง 2% ค่ะ เพราะส่วนใหญ่ก็ใส่ให้ฟรีในผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลนั่นเอง  และไม่ได้มีรายได้จากโฆษณาสักเท่าไหร่

นอกไปจากนี้ยอดขายของไอโฟนเพิ่มปีละเกือบ 100%ติดกันมาสามปีแล้ว  ส่วนไอแพดนั้นเพิ่งขายปีที่แล้วเป็นปีแรกดังนั้นยอดขายจึงเพิ่มกว่า 3 เท่าค่ะ  เอาล่ะๆ ไม่ต้องบอกก็สรุปกันได้แล้วใช่ไหมว่าข่าวที่เกี่ยวกับไอโฟนกับไอแพดจะส่งผลกับราคาหุ้นแอปเปิ้บแบบสุดๆไปเลย

เอาล่ะใครอยากจะชมงบการเงินย่อๆ ก็มาดูกันได้ค่ะ
แปลให้ 2 ตัวเท่านั้น Revenue แปลว่ารายได้ net income แปลว่ากำไรสุทธิค่า

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น(กำไรหลังหักต้นทุนการผลิต)ของแอปเปิ้ลนั่นอยู่ที่ 40% โดยประมาณ และค่อนข้างคงที่มาหลายปีแล้ว  ส่วนค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาดอยู่ที่ 7% ถือว่าน้อยมากๆค่ะ กำไรสุทธิต่อยอดขายนั้นมีอัตรา 24% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆจาก 19% -21% เพราะมีประสิทธิภาพทั้งทางการตลาดและการรักษากำไรที่ดีขนาดนี้  อย่าแปลกใจที่แอปเปิ้ลเป็นขวัญใจใครหลายคน


(หมายเหตุ อะไรก็เกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้นค่ะ ไม่แน่ว่าหุ้นแอปเปิ้ลอาจตกหนักในเวลาไม่นานนี้ก็ได้ การวิเคราะห์นี้เป็นส่วนหนึ่งในการทำความเข้าใจ และเพื่อการอ่านข่าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ)

ทีนี้เรามาดูคู่แข่งของแอปเปิ้ลกันบ้าง

ถ้าเรามีข้อสมมติฐานในขั้นต้นว่าสินค้าหลักๆที่ทำรายได้ในแอปเปิ้ลคือไอโฟนและไอแพด คู่แข่งหลักก็คือซัมซุงที่พยายามจะตีตลาดแอปเปิ้ลในขณะนี้  โดยอย่าลืมว่าโอเปอเรชั่นที่อยู่ในมือถือข่ายอื่นๆที่ไม่ใช่แอปเปิ้ลนั้นก็คือ Andriod ของ google นั่นเอง  ส่วนแมคหรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นก็มีหลายค่ายทีเดียวแต่โอเปอเรชั่นด้านไหนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Microsorft นั่นเอง  เอาล่ะค่ะ พอจะเห็นความสัมพันธ์ของเจ้าพวกบริษัทยักษ์ใหญ่กันบ้างแล้ว

ไหนๆก็ไหนๆ แถมReview บริษัทgoogle อีกสักแห่งก็แล้วกัน

Google

นอกจากจะเป็นSearch engineที่ประสบความสำเร็จแล้ว googleยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลายตัวที่น่าสนใจและโด่งดังอยู่ในตลาด  ได้แก่ Gmail, Google Map,Google Chrome,Adword programeที่เอาไว้ให้ธุรกิจโปรโมตธุรกิจตัวเอง Adsenseที่อนุญาตให้Third parties ภายในGoogle Networkสร้างรายได้จากโฆษณาที่เกี่ยวข้องได้ เช่น การให้เว็บไซด์หรือบล็อกเอาโฆษณาจากกูเกิ้ลไปวางไว้และให้เงินจากจำนวนคลิกที่มีคนเข้าไปคลิกอีกทีค่ะ  โดยกูเกิ้ลทำตัวเป็นพ่อค้าคนกลางรับรายได้จากบริษัทห้างร้านนั่นอีกที

กูเกิ้ลมีสำนักงานใหญ่ที่แคลิฟอร์เนีย เบลเยี่ยม ฟินแลนด์ และวางแผนว่าจะไปเปิดdata centreที่สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกงในปีหน้าด้วย

รายได้หลักๆของกูเกิ้ลนั้นมาจากการหาโฆษณาล้วนๆ ไม่เหมือนแอปเปิ้ลแต่อย่างใด แต่ส่วนที่ทำรายได้ให้กูเกิ้ลคิดเป็น 67% ก็มาจากเว็บกูเกิ้ลนั่นเอง และที่เหลืออีก 30%มาจากการทำตัวเป็นพ่อค้าคนกลางนั่นเองค่ะ เอาโฆษณาไปวางไว้กับพวกblog และเว็บไซด์ที่มาสมัครกับกูเกิ้ลกัน  ส่วนนอกจากนั้นที่เหลืออีก 3%ก็เป็นรายได้อื่นๆนั่นเอง

อ่าว อ่านมาตรงนี้ก็คงสงสัยว่าไหนล่ะเจ้าแอนดรอย ทำรายได้อะไรบ้างหรือเปล่า คำตอบคือ ถ้าสังเกตกันดีๆ จะมีโฆษณาอยู่เวลาดาวน์โหลดโปรแกรมจากแอนดรอยค่ะ  แต่เป็นรายได้อันน้อยนิดเท่านั้นเอง

นอกจากนี้หากมาดูผ่านทางภูมิศาสตร์แล้วรายได้ค่าโฆษราของกูเกิ้ลมาจากสหรัฐถึง 47% และมาจาก UK 13% ส่วนที่เหลืออีก 40%มาจากทั่วทั้งโลก  สงสัยไหมๆว่าทำไมมาจากอังกฤษมากมายขนาดนี้  เพราะว่าหลักๆแล้วโฆษณามาจากคนที่ใช้ภาษาอังกฤษกันเป็นหลักค่ะ เวลาสมัครadsense ก็ต้องสมัครเป็นภาษาอังกฤษด้วยนั่นเอง

และที่จะขาดไม่ได้ก็คือ งบการเงินค่ะ ด้วยความยาวของหน้านี้คงไม่สามารถอธิบายได้หมดว่าอะไรเป็นอะไร  แต่เอางบมาให้ชมกันค่ะว่ารายได้ของเขานั้นเติบโตกันเพียงใด

อัตรากำไรสุทธิของกูเกิ้ลนั่นอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้หุ้นไม่ได้เป็นขาขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบแอปเปิ้ลก็ได้ โดยดูไล่มาเราจะเห็นว่าอัตรากำไรสุทธิต่อยอดขายนั้นขึ้นๆลงๆทีเดียวค่ะ

                          2011    2010    2009    2008
 อัตรากำไรสุทธิ     25.5%   29%    28%   20%

คงพอเห็นตัวอย่างการดูข้อมูลบริษัทไปไม่มากก็น้อยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก SEC และ Nasdaq ของอเมริกาค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น