วันนี้เอาข้อมูลพื้นฐานของหุ้นชั้นนำอย่างแอปเปิ้ลมาฝากกัน ใครที่เป็นสาวกน้องผลไม้อย่าพลาดทีเดียวค่ะ
APPLE
บริษัทมีออฟฟิซอยู่ที่แคลิฟอร์เนียร์ก็จริง แต่มีร้านค้าอยู่ทั่วโลกซึ่งมีจำนวนมากกว่า 300 แห่งในปี 2012 นี่ค่ะ
ด้านยอดขาย
หากดูตามภูมิศาสตร์แล้ว ในปี 2011 หรือ 2554 แอปเปิ้ลมียอดขายกว่า 39%มาจากในตัวสหรัฐอเมริกาเอง ในขณะที่ในยุโรปมียอดขาย 25% และที่ญี่ปุ่นมียอดขายเพียง 4% ขณะเอเชียแปซิฟิค 12% คราวนี้ถ้ามีข่าวลบกับยุโรป พอจะเข้าใจไหมคะว่าทำไมหุ้นแอปเปิ้ลถึงลงไปเยอะแยะอย่างนั้น
ส่วนผลิตภัณฑ์นั้นเรามาดูกันบ้างดีกว่าว่ามียอดขายอะไรบ้าง
ในปี 2011เช่นเดียวกัน ยอดขายจากMac นั่นคิดเป็นสัดส่วน 19% ส่วน iPod เริ่มทยอยลดความสำคัญลงเรื่อยๆโดยเลือกแค่ 6% จาก 12%ในปีก่อน ในขณะที่ iPhone และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมี 43% ส่วน iPadและผลิตภัณฑ์ควบมี 18% อย่างเพิ่งคิดว่าน้อยค่ะ เพราะปีที่แล้วนั้นยอดขายของไอแพดคิดเป็น 7% ของยอดขายสินค้าอื่นๆเท่านั้นเอง นอกจากนี้ฮาร์ดแวร์และผลิตภัณฑ์อื่นๆมีแค่ 2% เท่านั้น ขณะที่ตัว Software ของแอปเปิ้ลทำรายได้เพียง 2% ค่ะ เพราะส่วนใหญ่ก็ใส่ให้ฟรีในผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลนั่นเอง และไม่ได้มีรายได้จากโฆษณาสักเท่าไหร่
นอกไปจากนี้ยอดขายของไอโฟนเพิ่มปีละเกือบ 100%ติดกันมาสามปีแล้ว ส่วนไอแพดนั้นเพิ่งขายปีที่แล้วเป็นปีแรกดังนั้นยอดขายจึงเพิ่มกว่า 3 เท่าค่ะ เอาล่ะๆ ไม่ต้องบอกก็สรุปกันได้แล้วใช่ไหมว่าข่าวที่เกี่ยวกับไอโฟนกับไอแพดจะส่งผลกับราคาหุ้นแอปเปิ้บแบบสุดๆไปเลย
เอาล่ะใครอยากจะชมงบการเงินย่อๆ ก็มาดูกันได้ค่ะ
แปลให้ 2 ตัวเท่านั้น Revenue แปลว่ารายได้ net income แปลว่ากำไรสุทธิค่า
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น(กำไรหลังหักต้นทุนการผลิต)ของแอปเปิ้ลนั่นอยู่ที่ 40% โดยประมาณ และค่อนข้างคงที่มาหลายปีแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาดอยู่ที่ 7% ถือว่าน้อยมากๆค่ะ กำไรสุทธิต่อยอดขายนั้นมีอัตรา 24% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆจาก 19% -21% เพราะมีประสิทธิภาพทั้งทางการตลาดและการรักษากำไรที่ดีขนาดนี้ อย่าแปลกใจที่แอปเปิ้ลเป็นขวัญใจใครหลายคน
(หมายเหตุ อะไรก็เกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้นค่ะ ไม่แน่ว่าหุ้นแอปเปิ้ลอาจตกหนักในเวลาไม่นานนี้ก็ได้ การวิเคราะห์นี้เป็นส่วนหนึ่งในการทำความเข้าใจ และเพื่อการอ่านข่าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ)
ทีนี้เรามาดูคู่แข่งของแอปเปิ้ลกันบ้าง
ถ้าเรามีข้อสมมติฐานในขั้นต้นว่าสินค้าหลักๆที่ทำรายได้ในแอปเปิ้ลคือไอโฟนและไอแพด คู่แข่งหลักก็คือซัมซุงที่พยายามจะตีตลาดแอปเปิ้ลในขณะนี้ โดยอย่าลืมว่าโอเปอเรชั่นที่อยู่ในมือถือข่ายอื่นๆที่ไม่ใช่แอปเปิ้ลนั้นก็คือ Andriod ของ google นั่นเอง ส่วนแมคหรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นก็มีหลายค่ายทีเดียวแต่โอเปอเรชั่นด้านไหนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Microsorft นั่นเอง เอาล่ะค่ะ พอจะเห็นความสัมพันธ์ของเจ้าพวกบริษัทยักษ์ใหญ่กันบ้างแล้ว
ไหนๆก็ไหนๆ แถมReview บริษัทgoogle อีกสักแห่งก็แล้วกัน
Google
นอกจากจะเป็นSearch engineที่ประสบความสำเร็จแล้ว googleยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลายตัวที่น่าสนใจและโด่งดังอยู่ในตลาด ได้แก่ Gmail, Google Map,Google Chrome,Adword programeที่เอาไว้ให้ธุรกิจโปรโมตธุรกิจตัวเอง Adsenseที่อนุญาตให้Third parties ภายในGoogle Networkสร้างรายได้จากโฆษณาที่เกี่ยวข้องได้ เช่น การให้เว็บไซด์หรือบล็อกเอาโฆษณาจากกูเกิ้ลไปวางไว้และให้เงินจากจำนวนคลิกที่มีคนเข้าไปคลิกอีกทีค่ะ โดยกูเกิ้ลทำตัวเป็นพ่อค้าคนกลางรับรายได้จากบริษัทห้างร้านนั่นอีกที
กูเกิ้ลมีสำนักงานใหญ่ที่แคลิฟอร์เนีย เบลเยี่ยม ฟินแลนด์ และวางแผนว่าจะไปเปิดdata centreที่สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกงในปีหน้าด้วย
รายได้หลักๆของกูเกิ้ลนั้นมาจากการหาโฆษณาล้วนๆ ไม่เหมือนแอปเปิ้ลแต่อย่างใด แต่ส่วนที่ทำรายได้ให้กูเกิ้ลคิดเป็น 67% ก็มาจากเว็บกูเกิ้ลนั่นเอง และที่เหลืออีก 30%มาจากการทำตัวเป็นพ่อค้าคนกลางนั่นเองค่ะ เอาโฆษณาไปวางไว้กับพวกblog และเว็บไซด์ที่มาสมัครกับกูเกิ้ลกัน ส่วนนอกจากนั้นที่เหลืออีก 3%ก็เป็นรายได้อื่นๆนั่นเอง
อ่าว อ่านมาตรงนี้ก็คงสงสัยว่าไหนล่ะเจ้าแอนดรอย ทำรายได้อะไรบ้างหรือเปล่า คำตอบคือ ถ้าสังเกตกันดีๆ จะมีโฆษณาอยู่เวลาดาวน์โหลดโปรแกรมจากแอนดรอยค่ะ แต่เป็นรายได้อันน้อยนิดเท่านั้นเอง
นอกจากนี้หากมาดูผ่านทางภูมิศาสตร์แล้วรายได้ค่าโฆษราของกูเกิ้ลมาจากสหรัฐถึง 47% และมาจาก UK 13% ส่วนที่เหลืออีก 40%มาจากทั่วทั้งโลก สงสัยไหมๆว่าทำไมมาจากอังกฤษมากมายขนาดนี้ เพราะว่าหลักๆแล้วโฆษณามาจากคนที่ใช้ภาษาอังกฤษกันเป็นหลักค่ะ เวลาสมัครadsense ก็ต้องสมัครเป็นภาษาอังกฤษด้วยนั่นเอง
และที่จะขาดไม่ได้ก็คือ งบการเงินค่ะ ด้วยความยาวของหน้านี้คงไม่สามารถอธิบายได้หมดว่าอะไรเป็นอะไร แต่เอางบมาให้ชมกันค่ะว่ารายได้ของเขานั้นเติบโตกันเพียงใด
อัตรากำไรสุทธิของกูเกิ้ลนั่นอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้หุ้นไม่ได้เป็นขาขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบแอปเปิ้ลก็ได้ โดยดูไล่มาเราจะเห็นว่าอัตรากำไรสุทธิต่อยอดขายนั้นขึ้นๆลงๆทีเดียวค่ะ
2011 2010 2009 2008
อัตรากำไรสุทธิ 25.5% 29% 28% 20%
คงพอเห็นตัวอย่างการดูข้อมูลบริษัทไปไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก SEC และ Nasdaq ของอเมริกาค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น